Long-Covid

Long Covid ไม่ติดดีที่สุด

เผยผลการวิจัยจากการตรวจพบเชื้อโควิดที่กระจายไปทั่วร่างกายไม่ได้อยู่เพียงแค่ระบบทางเดินหายใจเท่านั้น โดยนายแพทย์ธีระ ได้มีการออกมาเปิดเผยว่า สถานการณ์ลองโควิดที่เกิดขึ้นได้ในผู้ที่มีการติดโควิดมาแล้วสองรอบขึ้นไปส่งผลในระยะยาว และยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า ไม่ติดโควิดดีที่สุด

โดยมาตรการต่าง ๆ ในสังคมปัจจุบันในประเทศไทยได้ผ่อนปรน และยกระดับขึ้นมาบ้างแล้วจึงทำให้หลาย ๆ คนที่มีการ ใช้พื้นที่สาธารณะโดยไม่ระวังตัวเกิดขึ้นและยังคงเป็นที่น่าเป็นห่วงว่าสำหรับผู้ที่ไม่แข็งแรงมีโรคชรา หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ จะสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ผ่อนปรนตรงนี้ได้หรือไม่

ข้อสังเกตเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดในประเทศไทย

ศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ประจำมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์จากคณะแพทยศาสตร์ ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดในประเทศไทยผ่าน Facebook ส่วนตัว โดยได้กล่าวว่าสถานการณ์ในประเทศไทย ณ ขณะนี้ ยังคงมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดจำนวนกว่า 97 คนเมื่อเทียบกับ จำนวนผู้เสียชีวิตจากทั่วโลกยังถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับสถานการณ์ของเกาหลีใต้ รัสเซีย และฮ่องกง แม้ไทยจะยังดูเป็นตัวเลขที่ไม่สูงขนาดนั้นแต่ก็ถือว่าใกล้เคียงมาก

สายพันธุ์โอไมครอนที่มีประสิทธิภาพอ่อนลงเมื่อเทียบกับเดลต้าที่มีการระบาดหนักในช่วงก่อนแต่สายพันธุ์ใหม่โอไมครอนก็มีการติดง่ายกว่าเดิมถึงเจ็ดเท่า ทำให้จำนวนการติดเชื้อจริงในประเทศไทยนั้นมีมากมาย และที่สำคัญหลังจากได้มีการยกระดับมาตรการต่าง ๆ ขึ้นมาแล้ว ปรากฏว่า มีผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและนำไปสู่การเสียชีวิตซึ่งเป็นเราบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยงและมีโรคประจำตัวที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ที่มีการฉีดวัคซีนแล้ว หรือแม้แต่ผู้ที่ติดเชื้อมาก่อนก็ยังมีอาการที่ทรุดหนักและสามารถเป็นเหตุนำไปสู่การเสียชีวิตได้ในเวลาต่อมา

การค้นพบล่าสุดจากงานวิจัยโรค Long Covid เสี่ยงมากน้อยแค่ไหน

หลังจากได้มีการทำงานวิจัยเกี่ยวกับโรคลองโควิดเนื่องจากหลาย ๆ คนในปัจจุบันได้มีการติดโควิดอย่างน้อยหนึ่งครั้งแล้วและหากคุณสามารถติดโควิดได้อีกครั้งลองโควิดก็ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัว ทางด้าน ศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ จึงได้มีการนำประเด็นนี้มาทำการทดลองเพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับคนในสังคมต่อไป

โดยจากผลการวิจัยได้ระบุว่าโรค ลองโควิด ไม่ได้ติดอยู่แค่ภายในระบบทางเดินหายใจเท่านั้นแต่ยังสามารถลุกลามไปได้ทั่วร่างกาย โดยวิจัยจากผู้ป่วยโควิดจำนวน 29 คนที่ยังคงมีอาการป่วยอย่างต่อเนื่องคงค้างกว่าสี่สัปดาห์ถึงแม้จะทำการรักษาไปแล้วมากกว่า 55% ด้วยกัน ประเด็นสำคัญก็คือสามารถตรวจพบสารตั้งต้นของไวรัสในเลือดของผู้ป่วยได้มากกว่า 45% ซึ่งมีจำนวนและอัตราที่สูงมากนั่นหมายความว่าคุณอาจจะกลับมาเป็นได้อีกและไม่มีทางหายขาด

โดยผลงานวิจัยยังเปิดเผยอีกว่าผู้ป่วยที่ยังคงค้างและมีอาการอย่างต่อเนื่องส่วนใหญ่ครึ่งหนึ่งระบุว่าอาการเหล่านี้มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมากและมีส่งผลกระทบโดยตรงต่อสมรรถภาพในการดำรงชีวิต

พบหลักฐานที่ระบุว่าเชื้อโควิดยังคงหมุนเวียนอยู่ในอวัยวะต่าง ๆ

ในตลอดช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาดโควิดก็ได้มีความรู้ใหม่ ๆ และตัวโควิดก็ได้มีวิวัฒนาการเพื่อปรับตัวเองให้อยู่รอดซึ่งให้ผลการกระทบที่แตกต่างกันออกไป และแน่นอนว่าผลการวิจัยในปัจจุบันได้พบว่ามีหลักฐานเกี่ยวกับตัวเชื้อโควิดที่ยังสามารถอาศัยอยู่ในร่างกายของเราได้ เป็นสารตั้งต้นที่ยังตกค้างและไม่สามารถกำจัดได้ส่งผลให้อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้รับการติดเชื้อและไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

ส่งผลให้มีภูมิต่อต้านตนเอง เสียความสมดุลในการต้านทานโรคต่าง ๆ ซึ่งนำไปสู่ การทำงานของทางเดินระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ที่ผิดปกติ และอาจทำให้เกิดอาการเรื้อรังอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นโรคประจำตัวใหม่อีกประเภทหนึ่ง

สาระสำคัญ “ไม่ติดเชื้อจะดีที่สุด”

จากข้อมูลที่ได้กล่าวไปข้างต้นทางนายแพทย์เจ้าของงานวิจัยจึงระบุไว้ว่าการไม่ติดเชื้อ ถือเป็นการดีที่สุดเพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเราที่มีการแสดงออกทางด้านอาการแตกต่างกันออกไปหากมีผลกระทบเรื้อรังจนถึงขั้นใช้ชีวิตลำบากก็ไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน